วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จับตามองทิศทางและนโยบาย รมว. ศึกษาธิการ


ในช่วงสองสามสัปดาห์ต่อจากนี้ไป ต้องจับตาดูทิศทางและนโยบายการศึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ของนายกรัฐนมตรีหญิง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการของวงการศึกษาไทย จากนโยบายการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยจนนำไปสู่การชนะการเลือกตั้ง และนำนโยบายจากการหาเสียงมาปฏิบัติต้องยอมรับว่าน่าจับตามองที่เดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนในระดับประถมศึกษาที่เป็นที่วิภาควิจารณ์ของคนในวงกว้างของสังคม
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ผู้ที่ได้รับพระบรมราชองค์การโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กับ หนังสือพิมพ์มติชน ถึงแนวนโยบายหลังรับตำแหน่งที่จะไปแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 23 สิงหาคม ประมวลได้ดังนี้
ประการแรก คือการปรับปรุงความรู้ให้สัมพันธ์กัน 3 ส่วน คือความต้องการของตลาดแรงงาน หรือสิ่งที่ผู้เรียนอยากได้ องค์ความรู้ระดับอุดมศึกษา และการศึกษาสายอาชีวศึกษา ต้องเชื่อมโยงกับตลาดแรงงานและความต้องการของประเทศ ต้องดูความอัจฉริยภาพของเด็กแต่ละคนให้เรียนตามความถนัดมากขึ้น
ประการที่สอง หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องปรับเปลี่ยนให้นักเรียนให้ความสนใจในการเรียนการสอนมากขึ้น และเมื่อมีการแจกคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตแล้ว จะนำมาประกอบการเรียนการสอนในชั้นเรียนเกิดความสนใจยิ่งขึ้น เรื่องแท็บเล็ตจะแปลงส่วนงบประมาณการศึกษาเรียนฟรี 5 ปีอย่างมีคุณภาพในส่วนของหนังสือที่ซื้อแจกนักเรียนมาใช้ ในขณะที่ผู้รับแจกจะพิจารณาจากความพร้อมทั้งของตัวนักเรียนและสถานศึกษาแต่ละส่วนว่าจะแจกในส่วนไหน การจะยกเลิกซื้อหนังสือคงไม่ยกเลิกทั้งหมด และนำเนื้อหาในหนังสือเรียนมาบรรจุในแท็บเล็ต
            ประการต่อมา การศึกษาในระดับอุดมศึกษาจะให้มหาวิทยาลัยส่งเสริมงานวิจัย เน้นการวิจัยพื้นฐาน 30% เน้นการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศชาติ70% และเมื่อมีงานวิจัยออกมามากจะต้องเพิ่มงบประมาณในส่วนนี้ให้กับมหาวิทยาลัย นายวรวัจน์ เน้นย้ำกับถึงการปฏิรูปการศึกษาว่า เรื่องใหญ่ที่สุดคือองค์ความรู้ที่จะต้องมาดำเนินการกันต่อไป ทั้งยังตระหนักในการยอมรับของสังคมกับการดำรงตำแหน่งของตน จะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับ ส่วนข้าราชการนั้นต้องจับเข่าคุยกันว่า เราจะต้องพัฒนาการศึกษาให้สอดคล้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศชาติ ดังนั้นการจัดการศึกษาต้องเชื่อมโยงกับระบบของประเทศ
            ตามคำกล่าวของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาคนใหม่สิ่งที่เป็นนโยบายสำคัญคือการแจกแท็บแล็ต ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นนโยบายที่โดดเด่นของพรรครัฐบาลเพื่อไทย แต่จะสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการการศึกษาไทย หรือจะเป็นเพียงนโยบายขายฝันดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับนโยบายรัฐบาลในสมัยอดีตที่เคยมีการแจกคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนทุกเรียน แต่บางโรงเรียนก็ไม่ได้ใช้เนื่องจากโรงเรียนไม่มีกระแสไฟ หรือบางโรงเรียนเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่เฉพาะห้องครูใหญ่ หรือบางโรงเรียนหลายปีผ่านไปก็ยังไม่ได้แกะกล่อง เป็นที่จับตาดูกันจากนี้ไปการนำพาประเทศเข้าสู่สังคมอาเซียน มีการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนนักศึกษาตลอดจนครูอาจารย์อย่างไร นโยบายด้านการศึกษาจะเร่งรัดเรื่องการปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้ทันสมัยกับการก้าวหน้าของโลกอย่างไร ภาษาและคอมพิวเตอร์จะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในยุคนี้ขนาดไหน เด็กไทยเราจะถูกจัดอันดับความฉลาดที่เท่าไรของเอเชียหรือของโลก นโยบายนี้จะเป็นประโยชน์หรือจะเกิดโทษต่อสังคมไทย เป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น